ชัยชนะและความหวังจากการรอคอยที่อดทน

ชัยชนะและความหวังจากการรอคอยที่อดทน
อิสยาห์ บทที่ 25 ข้อ 9

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกบทเรียนจากหนังสืออิสยาห์ บทที่ 25 ซึ่งเป็นบทที่เต็มไปด้วยความหวังและบทเพลงแห่งความชื่นชมยินดีที่หยั่งรากลึกในการช่วยกู้ของพระเจ้า ในชีวิตของเรานั้น เราทุกคนล้วนเคยเผชิญกับช่วงเวลาแห่งการรอคอย ไม่ว่าจะเป็นการรอคอยสิ่งที่ปรารถนา การรอคอยทางออกในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หรือแม้แต่การรอคอยความช่วยเหลือจากใครบางคน

แล้วในมุมมองของพระคัมภีร์ การรอคอยนั้นมีความหมายอย่างไร? และเราจะยังคงสามารถพบความชื่นชมยินดีได้ท่ามกลาง “การรอคอย” และ “ความทุกข์ยาก” ได้อย่างไร?

หัวใจสำคัญของบทเรียนวันนี้อยู่ที่ อิสยาห์ บทที่25 ข้อ9 ซึ่งจะพาเราไปพบกับคำประกาศอันทรงพลังที่ว่า “ดูสิ นี่คือพระเจ้าของเรา เรารอคอยพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด นี่คือพระยาห์เวห์ เรารอคอยพระองค์ ให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดจากพระองค์” ขอให้เราเตรียมใจให้พร้อมที่จะเรียนรู้และใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า เพื่อที่เราจะสามารถดำเนินชีวิตด้วยความหวัง ความเชื่อมั่น และความชื่นชมยินดีในพระเจ้า
ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของเรา ผู้ที่เราได้รอคอย และผู้ที่จะทรงช่วยเราให้รอดพ้นตลอดไป

คำนำ

          ในยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีที่ทุกสิ่งล้วนรวดเร็วไปหมดนี้ เราอาจจะรู้สึกว่าความอดทนต่อการรอคอยของเรานั้นลดน้อยลงไป เราอยากได้ อยากมี อยากเป็นแบบรวดเร็ว และมักจะกระสับกระส่ายเมื่อต้องเผชิญกับการรอ แต่ธรรมชาติของชีวิตบางเรื่องก็ต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ ในการหล่อหลอม การรอคอยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในชีวิตมนุษย์ แต่ทัศนคติที่เรามีต่อการรอคอยต่างหากที่สำคัญ

ตัวอย่าง การรอจากนิทานสอนใจ ความงดงามแห่งการรอคอย

          เพื่อให้เห็นภาพความสำคัญของการรอคอย ผมขอเล่านิทานเรื่องหนึ่งครับ มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีนิสัยใจเร็วด่วนได้ ไม่ชอบรอ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ไม่สามารถสงบจิตสงบใจ ครั้งหนึ่ง เขานัดพบคนรักที่ใต้ต้นไม้ แต่เขามาก่อนเวลานัดมากเกินไป ด้วยนิสัยใจร้อน เขาจึงเดินวนไปวนมาอย่างกระสับกระส่าย

          ในตอนนั้นเอง อาจารย์เซนซึ่งเป็นผู้วิเศษได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมทั้งยื่นวัตถุทรงกลมชิ้นหนึ่งให้แก่ชายหนุ่มผู้นั้น และกล่าวว่า “นี่เป็นของวิเศษ หากเจ้าไม่ชอบการรอคอย ก็จงหมุนปุ่มนี้ไปทางขวาหนึ่งรอบ เจ้าก็สามารถที่จะย่นระยะเวลาจากความเป็นจริงให้เร็วขึ้นไปตามที่เจ้าต้องการ”

          ชายหนุ่มลองหมุนปุ่มนั้นไปหนึ่งรอบ และพลันคนรักของเขาก็ปรากฏกายขึ้น ด้วยความยินดีและอยากครอบครอง เขาจึงหมุนปุ่มอีกรอบหนึ่ง เพื่อเร่งเวลาไปจนทั้งสองได้แต่งงานกัน เขาอยากใช้เวลาอยู่กับเจ้าสาวตามลำพัง จึงหมุนปุ่มวนไปด้านขวาอีกครั้ง

          หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ยังคงหมุนปุ่มวิเศษไปเรื่อย ๆ เขาได้มีบุตรชาย มีหลานชายเต็มบ้าน บุตรหลานสร้างเนื้อสร้างตัวกลายเป็นขุนนางใหญ่ปกครองทั่วทุกสารทิศ ผู้คนต่างพากันเคารพนับถือ ในใจชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปีติยินดี

          แต่เมื่อเขาลองหมุนปุ่มอีกรอบหนึ่ง เขากลับกลายเป็นเฒ่าชรา โรคร้ายรุมเร้านอนรอความตายอยู่บนเตียง บรรดาบุตรหลาน ไม่กตัญญู พากันมาขนทรัพย์สินไปจนเกลี้ยง และนำเฒ่าชราไปทิ้งยังชายป่า ชายชราทั้งป่วยไข้ อดอยากหิวโหย ค่อย ๆ อ่อนแรงลง ลมหายใจขาดช่วง ก้าวเข้าสู่ความตายทีละน้อย

          ถึงตอนนี้ ชายหนุ่มแตกตื่นตกใจจนขนหัวลุก หยาดเหงื่อไหลโทรมกาย อาจารย์เซนจึงถามขึ้นว่า “พ่อหนุ่ม ท่านยังอยากให้เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็วอยู่หรือไม่?” ชายหนุ่มตอบอย่างทอดอาลัยว่า “ข้าจวนจะจบชีวิตแล้ว ยังจะต้องการให้เวลาหมุนไปเร็วอันใดอีกเล่า”

          อาจารย์เซนจึงรับของวิเศษจากมือของชายหนุ่มกลับคืนมา พลันทุกสิ่งล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม พาชายหนุ่มย้อนกลับไปตอนที่เขายังคงยืนรอคนรักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ในยามนั้นเอง ชายหนุ่มจึงค่อยสัมผัสถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่สาดส่องลงมา สดับเสียงร้องอันไพเราะของนกน้อย มองเห็นผีเสื้อโผบินเหนือมวลดอกไม้ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่า การรอคอยอะไรบางอย่างนั้น ถือเป็นความสุขที่หอมหวานประการหนึ่ง

          นิทานเรื่องนี้สอนเราว่า การเร่งรัดทุกสิ่งเพื่อสนองความต้องการในทันที อาจทำให้เราพลาดคุณค่าและความงดงามที่แท้จริงของการเดินทางในชีวิตไป เช่นเดียวกับการรอคอยพระเจ้า ก็มีความหมายที่ลึกซึ้งและนำมาซึ่งพระพรอย่างใหญ่หลวง

คำถาม “การรอคอยอะไรบ้างที่ทำให้เรารอคอยอย่างมีความสุข”

ส่วนที่ 1: การรอคอยที่เปี่ยมด้วยความหวัง

การรอคอยที่อิสยาห์ บทที่ 25 ข้อ 9 กล่าวถึง ไม่ใช่การรอคอยแบบเฉื่อยชาหรือไร้จุดหมาย แต่เป็นการรอคอยที่:

• เต็มไปด้วยความหวังและความเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระองค์ เหมือนที่ชาวอิสราเอลต้องอดทนรอคอยการช่วยกู้จากพระเจ้า พวกเราในปัจจุบันก็ต้องรอคอยพระเจ้าในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นกัน
• เป็นการพิสูจน์ถึงความสัตย์ซื่อของเราต่อพระองค์ การรอคอยนี้คือการพิสูจน์ถึงความสัตย์ซื่อของประชากรต่อพระเจ้า แม้ต้องอดทนต่อการกดขี่และความยากลำบาก
• เป็นการไว้ใจในจังหวะเวลาของพระองค์และไม่ท้อแท้ เมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง
• เน้นย้ำถึงความเพียรพยายามในความเชื่อ การกล่าวซ้ำสองครั้งในอิสยาห์ 25:9 ว่า "เราได้รอคอยพระองค์" เป็นการเน้นย้ำถึงความสัตย์ซื่อและความเพียรพยายามในความเชื่อของประชากรของพระเจ้าที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความอดทน
• เชื่อมโยงกับพระนามของพระเจ้า:
• "นี่คือพระเจ้าของเรา เราได้รอคอยพระองค์" คำว่า "พระเจ้า" (אֱלֹהֵינוּ -'Eloheinu-เอโลเฮนู) เน้นไปที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวและการเป็นเจ้าของว่าพระองค์คือพระเจ้าของพวกเขาโดยเฉพาะ ("Eloheinu" แปลว่า "พระเจ้าของเรา" โดยทั่วไปแล้ว คำลงท้าย "nu" ในภาษาฮีบรูหมายถึง "พวกเรา" หรือ "ของเรา")
• "นี่คือพระยาห์เวห์ เราได้รอคอยพระองค์" คำว่า "พระยาห์เวห์" (יהוה - Yahweh) เป็นพระนามศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงถึงการดำรงอยู่และความสัตย์ซื่อของพระเจ้าในการรักษาพันธสัญญาของพระองค์

          ดังนั้น การรอคอยพระเจ้าอย่างแท้จริงจึงนำไปสู่การเห็นถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าและพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

ส่วนที่ 2: ความจริงของการช่วยกู้ของพระเจ้า

          เมื่อการรอคอยสิ้นสุดลง ผู้คนจะสามารถชี้ไปยังพระเจ้าและประกาศด้วยความมั่นใจว่า "นี่คือพระเจ้าของเรา" และ "พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้น" นี่คือคำประกาศที่แสดงถึงความจริงที่พระเจ้าทรงสำแดงแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยกู้ที่สัตย์ซื่อและทรงฤทธานุภาพเสมอ

          ความจริงของการช่วยกู้ของพระเจ้าไม่ใช่แค่ความเชื่อที่เลื่อนลอย แต่เป็นความจริงที่จับต้องได้ การช่วยกู้ของพระองค์อาจมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง แต่เมื่อมาถึง เราจะเห็นว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเรา

          พระเจ้าทรงสำแดงการช่วยกู้ของพระองค์ด้วยพระราชกิจที่หลากหลาย การช่วยกู้ของพระเจ้าเป็นการแสดงถึงความสัตย์ซื่อและฤทธานุภาพของพระองค์อย่างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่ความรอดพ้นและความชื่นชมยินดีอันเป็นนิรันดร์สำหรับผู้ที่วางใจในพระองค์ การช่วยกู้นี้ยังรวมถึงการช่วยให้รอดจากความบาป ซึ่งสำเร็จแล้วในพระเยซูคริสต์

ส่วนที่ 3: การเฉลิมฉลองด้วยความชื่นชมยินดี

          เมื่อการช่วยกู้ของพระเจ้ามาถึง การตอบสนองที่เหมาะสมที่สุดของเราคือ การชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์อย่างสุดใจในการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์!

• แหล่งที่มาของความชื่นชมยินดีนี้ไม่ได้มาจากสิ่งที่เราทำได้ แต่มาจากพระคุณและการกระทำของพระเจ้าที่ทรงกระทำเพื่อเรา รากฐานของความยินดีนี้หยั่งลึกอยู่ในความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์
• ลักษณะของความชื่นชมยินดี:
• เป็นความชื่นชมยินดีที่ลึกซึ้งและยั่งยืน
• เป็นความชื่นชมยินดีที่อยู่เหนือสถานการณ์และความทุกข์ยากที่เคยผ่านมา และเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะที่แท้จริง
• เราชื่นชมยินดีเพราะพระเจ้าทรงกระทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ดังที่กล่าวไปแล้วในพระราชกิจที่หลากหลายของการช่วยกู้ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ที่เราได้รอคอยและทรงช่วยเราให้รอดพ้น เมื่อการช่วยกู้มาถึง ผู้คนจะกล่าวว่า "ดูเถิด นี่คือพระเจ้าของเรา เราได้รอคอยพระองค์และพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้น นี่คือพระยาห์เวห์ เราได้รอคอยพระองค์ ขอให้เราชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์!" การประกาศนี้เป็นการยืนยันถึงความจริงที่พวกเขาได้เห็นด้วยตาตนเอง นอกจากนี้ ยังรวมถึงการตัดสินใจที่จะสรรเสริญและยกย่องพระนามของพระเจ้าด้วยความคิดและการระลึกถึงพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

บทสรุปและการประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน

          การเฉลิมฉลองด้วยความชื่นชมยินดีที่อิสยาห์บทที่ 25 กล่าวถึงนั้น เป็นการตอบสนองที่ออกมาจากธรรมชาติในชีวิต และเหมาะสมของผู้ที่ได้สัมผัสกับการช่วยกู้ของพระเจ้า ความยินดีนี้ไม่ได้มาจากสิ่งที่เรากระทำได้ แต่มาจากพระคุณและพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำเพื่อเรา รากฐานของความยินดีนี้หยั่งลึกอยู่ในความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์ และเป็นความชื่นชมยินดีที่ลึกซึ้ง ยั่งยืน อยู่เหนือสถานการณ์ และเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะที่แท้จริง พระเจ้าทรงสมควรได้รับการสรรเสริญเพราะพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งมหัศจรรย์มากมายเพื่อเรา

เราจะประยุกต์ใช้บทเรียนนี้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเราได้อย่างไร?

• เราเรียนรู้ที่จะรอคอยพระเจ้าด้วยความหวังและความเชื่อมั่น: การรอคอยของเราไม่ใช่การอยู่เฉยๆ แต่เป็นการรอคอยที่เต็มไปด้วยความหวังและความเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระองค์ ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราควรไว้ใจในจังหวะเวลาของพระองค์และไม่ท้อแท้เมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง การรอคอยอย่างสัตย์ซื่อนี้จะนำไปสู่การเห็นพระราชกิจยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเป็นการพิสูจน์ความสัตย์ซื่อของเราต่อพระองค์
• เราตัดสินใจที่จะสรรเสริญและชื่นชมยินดีในพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ: การนมัสการพระเจ้าควรเป็นการตัดสินใจของเรา ไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นชั่วคราว ให้การนมัสการของเราเต็มไปด้วยความคิดและการระลึกถึงพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ทั้งสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำแล้วในอดีต และสิ่งที่จะทรงกระทำในอนาคต แม้ในท่ามกลางความทุกข์ยากลำบาก เราก็ยังสามารถตัดสินใจที่จะสรรเสริญพระองค์ได้ เพราะรากฐานความยินดีของเราคือพระคุณและการช่วยกู้ของพระองค์
• เราจดจ่ออยู่กับการช่วยกู้ของพระเจ้า ไม่ใช่ความสามารถของตนเอง: ความชื่นชมยินดีที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากสิ่งที่เรากระทำได้ แต่มาจากการช่วยกู้ของพระองค์ เมื่อเราตระหนักว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยกู้ที่สัตย์ซื่อเสมอ จะทำให้เรามีเหตุผลทุกประการที่จะชื่นชมยินดี ระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าที่ทรงช่วยให้รอดพ้นจากบาปและเผชิญกับความยากลำบาก ซึ่งจะทำให้ความชื่นชมยินดีในพระเจ้าเป็นพลังที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นในทุกสถานการณ์

โดยสรุปแล้ว ชีวิตคริสเตียนคือการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่นในการช่วยกู้ของพระเจ้า การรอคอยพระองค์อย่างเปี่ยมด้วยความหวัง และการเลือกที่จะเฉลิมฉลองด้วยความชื่นชมยินดีในทุกสถานการณ์ เพราะเรารู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และสัตย์ซื่อที่จะทรงกระทำพระสัญญาของพระองค์ให้สำเร็จอย่างแน่นอน

เรามีชัยชนะและความหวังจากการรอคอยที่อดทน

ดูเถิด นี่คือพระเจ้าของเรา เราได้รอคอยพระองค์
นี่คือพระยาห์เวห์ เราได้รอคอยพระองค์

อาเมน