คำเทศนาหัวข้อ "กฎทองคำ จริยธรรมคริสเตียน" จากมัทธิว 7:12
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นข่าวใหญ่ของประเทศไทยข่าวหนึ่งก็คือ การถอดถอนนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เหตุเพราะผิดจริยธรรมร้ายแรง จริยธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเป็นข้อควรประพฤติปฏิบัติของคนที่เป็นรัฐมนตรี เช่นเดียวกัน ความเป็นคริสเตียนของเราก็มีจริยธรรมที่ต้องประพฤติปฏิบัติด้วย
"กฎทองคำ จริยธรรมคริสเตียน" จากมัทธิว 7:12
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของคำเทศนาบนภูเขา (มัทธิว 5-7) เป็นหนึ่งในคำสอนที่สำคัญที่สุดของพระเยซู ข้อพระคัมภีร์นี้มาหลังจากพระองค์ทรงสอนเกี่ยวกับการพิพากษาและการอธิษฐาน เป็นการสรุปหลักการทั้งหมดของธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะ
ก่อนมาถึงข้อ 12 พระเยซูทรงสอนให้ "อย่าตัดสินอย่างไม่ชอบธรรม" แต่ให้ตัดสินด้วยการตัดสินที่ชอบธรรม พระองค์ใช้ภาพเปรียบเทียบของ "ผงในตาพี่น้อง" กับ "ไม้ทั้งท่อนในตาตนเอง" หลักการนี้เชื่อมโยงกับกฎทองคำ เพราะถ้าเราต้องการให้คนอื่นตัดสินเราอย่างยุติธรรม เราก็ต้องตัดสินเขาอย่างยุติธรรมเช่นกัน
ก่อนหน้าข้อ 12 พระเยซูทรงสอนเรื่อง "กุญแจแห่งพระพร" คือการขอ หา และเคาะ พระองค์ตรัสว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ และทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา พระบิดาจะประทานสิ่งดีแก่ผู้ที่ทูลขอต่อพระองค์” หลักการนี้เพื่อให้เราเข้าใจว่าเมื่อเราได้รับความดีจากพระเจ้า เราควรแบ่งปันความดีกับผู้อื่นด้วย
วันนี้เราจะมาศึกษาข้อพระคัมภีร์ที่เรียกว่า 'กฎทองคำ'จริยธรรมคริสเตียน ในมัทธิว 7:12 ซึ่งอยู่ในใจกลางของคำเทศนาบนภูเขาที่สำคัญที่สุด พระเยซูไม่ได้ตรัสข้อนี้แยกเป็นข้อเดียว แต่เป็นการสรุปคำสอนที่ทรงให้มาก่อนหน้า ทั้งเรื่องการไม่ตัดสินอย่างไม่ชอบธรรม และการขอ หา เคาะต่อพระเจ้า ข้อ 12 นี้จึงเป็นจุดสำคัญที่รวบรวมหลักการทั้งหมดของธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะเข้าด้วยกัน"
คำเทศนาบนภูเขาในพระธรรมมัทธิว 7:12 นำเสนอ "กฎทองคำ" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของจริยธรรมคริสเตียน พระเยซูตรัสว่า "จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน เพราะนี่คือธรรมบัญญัติและคำสั่งสอนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ”
กฎทองคำเชื่อมโยงโดยตรงกับคำสอนของพระเยซูในมัทธิว 22:37-40 เรื่องการ "รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" และในยอห์น 13:34-35 เรื่องบัญญัติใหม่ที่ให้รักซึ่งกันและกัน
พระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงประทานให้เราทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่สองข้อคือ จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า ด้วยสิ้นสุดจิตสิ้นสุดใจสิ้นสุดกำลังและความคิด และจงรักเพื่อนบ้าน (ผู้อื่น) ให้เหมือนกับรักตนเอง ซึ่งจริงๆ แล้ว บัญญัติทั้งสองข้อนี้คือข้อเดียวกัน พระคำของพระเจ้าได้ให้วิธีสำรวจตัวเองไว้อย่างง่ายๆ เพื่อเราจะไม่เป็นคนคิดเข้าข้างตัวเอง จนในที่สุดกลายเป็นหลอกตัวเอง คือ
หลอกตัวเองว่ารักพระเจ้า ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รักพระองค์จริงๆ จากใจ วิธีตรวจสอบตัวเองง่ายๆ ว่าเรารักพระเจ้าหรือไม่ ก็คือ เรารักคนอื่นเหมือนที่พระเยซูรักหรือยัง พระเยซูตรัสว่า ผู้ที่รักพระองค์ก็ทำตามคำบัญชาของพระองค์ พระบัญชานั้นก็คือ “ท่านทั้งหลายจงรักกันและกัน เรารักท่านอย่างไร ท่านจงรักกันอย่างนั้น”
แปลว่า อย่างเพียงแต่พูดว่ารัก แต่เป็นการ “ทำให้เห็นว่ารัก” เพื่อที่เราจะสามารถรักคนอื่นได้จริงๆ ซึ่งก็คือ พระดำรัสขององค์พระเยซูคริสต์ ที่ตรัสสอนไว้ในมัทธิว 7:12 ที่เรียกว่า 'กฎทองคำ'จริยธรรมคริสเตียน
หลักการพื้นฐานของกฎทองคำ
กฎทองคำในมัทธิว 7:12 เป็นการสรุปหลักการทั้งหมดของพระคัมภีร์ เป็น หลักการพื้นฐานของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่เชื่อมโยงโดยตรงกับความรักที่พระเยซูทรงสอน หลักการนี้ไม่ใช่เพียงแค่การปฏิบัติภายนอก แต่เป็นทัศนคติหรือความรู้สึกนึกคิด ความจริงจากภายในใจที่สะท้อนออกมาเป็นการกระทำที่เป็นรูปธรรม
การดำเนินชีวิตตามหลักกฎทองคำสะท้อนให้เห็นถึงจริยธรรมคริสเตียนในหลายมิติ:
เมื่อเราเลือกที่จะปฏิบัติตามกฎทองคำ เรากำลังสร้างสังคมแห่งความรักและความเมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ความซื่อสัตย์เป็นรากฐานของความไว้วางใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกับพระเจ้า กับเพื่อนมนุษย์ หรือแม้แต่กับตัวเอง เมื่อเราทำตามสิ่งที่พูด เรากำลังสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างก็ปรารถนาให้ผู้อื่นมีต่อเรา
สิ่งนี้เป็นความท้าทายและต้องเอาชนะให้ได้
ความแตกต่างจากโลก
คริสเตียนต้อง แตกต่างชัดเจนจากโลก โดยมีทัศนคติที่แตกต่าง ซึ่งรวมถึงความถ่อมใจ ความโศกเศร้าต่อบาป ความสุภาพอ่อนโยน ความชอบธรรม ความเมตทา ใจบริสุทธิ์ สันติ และความตั้งใจที่จะอดทนต่อการข่มเหง
การดำเนินชีวิตที่มีความหมาย
ในคำเทศนาบนภูเขา พระเยซูตรัสว่า "ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า" (มัทธิว 5:8) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของจริยธรรมคริสเตียน
การประยุกต์ในโบสถ์และชุมชน
กฎทองคำเป็น สุดยอดของบทเทศนาบนภูเขา (มัทธิว 5-7) และเป็น "กฎทอง" ที่ควรนำไปใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างคนในโบสถ์และชุมชน การปฏิบัติตามหลักการนี้จะทำให้เกิดการยกโทษ การเข้าใจ และการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ดี
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องของนายกที่ผ่านมา สรุปว่า “เห็นว่า ผู้ถูกร้องขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ให้เรามาพิจารณาตัวเองว่า เราขาดคุณสมบัติของการเป็นคริสเตียนหรือเปล่า เราผิดจริยธรรมร้ายแรง เราผิดไปจาก มาตรา หรือข้อพระคัมภีร์ มัทธิว 7:12 หรือไม่
บทสรุป
มัทธิว 7:12 ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำสอนทางจริยธรรมทั่วไป แต่เป็น หลักการสูงสุดของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่สะท้อนความรักของพระเจ้าผ่านความสัมพันธ์ระหว่างคน เมื่อเราปฏิบัติตามกฎทองคำด้วยใจที่บริสุทธิ์ เราจะเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการนำความรัก ความยุติธรรม และความเมตตามาสู่โลกนี้
ความท้าทายคือการทำให้หลักการนี้เป็นจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงแค่ในวาจาหรือความคิด แต่ในการกระทำที่เป็นรูปธรรมต่อผู้คนรอบข้างเรา ทั้งในครอบครัว โบสถ์ ที่ทำงาน และสังคม
จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน เพราะนี่คือธรรมบัญญัติและคำสั่งสอนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ